เรื่องย่อละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 4

491
รักออกฤทธิ์

บทประพันธ์ : นิตินันท์, วรรณพร, นิพล
บทโทรทัศน์ : สมภพผูกพันน้อย
กำกับการแสดง : คิง-สมจริง ศรีสุภาพ
แนวละคร :
ผลิต : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด

เรื่องย่อละคร รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 4

วันนี้วนิษาต้องไปเคลียร์ปัญหาในตลาด หม่อมจันไปนั่งรอที่ร้านกาแฟใกล้ๆ พอเคลียร์เสร็จเธอเดินไปหาหม่อมจัน

พอหม่อมจันรู้ว่าเธอเคลียร์ปัญหาสำเร็จก็ขอบใจ ชมว่าเก่ง เพราะลำพังตนคงจัดการกับคนพวกนั้นไม่ได้ คุยแล้วหงุดหงิดอารมณ์เสียทุกที

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นหน้าที่ของวนิอยู่แล้วค่ะ ในฐานะกรรมการบริษัท”

“หึ…ลูกสาวกับลูกเขยฉันก็เป็นกรรมการ ไม่เห็นพวกนั้นจะมาสนใจดูแลเลย”

วนิษาไม่พูดอะไร เดินตามหม่อมจันผ่านโต๊ะตัวหนึ่ง หม่อมจันนึกได้ว่าลืมมือถือจึงกลับไปเอาโดยเดินอ้อมข้างหลังผู้หญิงสามคนที่โต๊ะนั้น ได้ยินหนึ่งในนั้นชมวนิษาว่าตัวจริงสวยมาก แถมรวยอีกต่างหาก เป็นเจ้าของตลาดด้วย

“อ๋อ…ที่ได้มรดกจากผัวคนแรกใช่ไหม ได้ข่าวแย่งผัวมาจากไฮโซซะด้วยนะ โกลเด้นฟลาวเวอร์อะไรขนาดนี้” หนึ่งในนั้นฉอดๆ วนิษาได้ยินถึงกับอึ้ง หม่อมจันปลอบใจว่า

“อย่าไปใส่ใจคนพวกนี้เลย คนที่ชอบนินทาคนอื่นน่ะเป็นพวกน่าสังเวช มีปมด้อย ถ้ายังไม่เปลี่ยนนิสัย ชีวิตนี้ก็คงหาความเจริญอะไรไม่ได้แน่ๆ”

“ขอบคุณค่ะ” วนิษาเดินตามหม่อมจันที่โอบไหล่พาไป

วนิษาคิดถึงวันที่มาสมัครงานที่นี่ คุณชายแจ้ขอสัมภาษณ์เธอด้วยตัวเอง บอกผู้จัดการว่า อยากได้ตัวเธอมาเป็นผู้ช่วยในการวางแผนขยายตลาด อ้างว่าวนิษามีคุณสมบัติตามที่ต้องการพอดี

คิดถึงวันนั้นแล้ว วนิษารำพึงว่า “ฉันน่าจะเป็นฝ่ายที่ตายมากกว่านะคะ คุณชาย…”

ระหว่างที่ป๋องทำงานกับโจนั้น โจก็สอนไปให้บทเรียนไป วันนี้โจมอบหมายงานภาคสนามให้ป๋องไปติดตามตั่วเจ๊เพราะตนไปทำเองกลัวตั่วเจ๊จะจำได้

“โห…ขนาดพี่ยังพลาด แล้วผมจะรอดเหรอครับ” ป๋องทำหน้าสยอง แต่เมื่อโจบอกว่าไม่ลองไม่รู้ โจก็ต้องลองดู

ป๋องปลอมเป็นวินมอเตอร์ไซค์ตามรถของวนิษาไป เขาแปลกใจที่เธอขับรถเข้าซอยตัน แต่พอจะกลับรถออกก็ถอยไปชนเสาไฟฟ้าโครมใหญ่ ป๋องชะลอดู คนที่ลงจากรถมาดูกลายเป็นปลายฝน ซึ่งป๋องไม่รู้จัก

เป็นเพราะปลายฝนขับรถไม่เก่ง เมื่อรถชนก็ตกใจงงไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นป๋องก็บอกว่าตนขับรถชนจะทำอย่างไรดี ป๋องบอกว่าให้ถ่ายรูปแล้วไปเคลมประกัน เธอทำไม่เป็นอีกวานป๋องให้ถ่ายให้หน่อย แล้วให้ป๋องที่ปลอมเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งที่สีลม ป๋องถามว่าทำไมไม่ขับรถไปเอง

“ไม่เห็นเหรอว่าฉันหลงทาง ที่เข้ามาเนี่ยนึกว่าทางลัด แล้วก็ยังขับไม่เก่ง ฉันไม่อยากเสียเวลาต้องรีบไปเดี๋ยวไม่ทัน”

ป๋องหยิบมือถือขึ้นกดไลน์ก่อนแล้วจึงรับเธอไป ครู่เดียวโจก็อ่านไลน์ของป๋องงงๆ

“ผมพลาดแล้วครับ คลาดกับคุณวนิษาแล้ว” โจอ่านแล้วบ่น “ไม่ได้เรื่องเล้ย…ไอ้อ่อนเอ๊ย…

ปลายฝนจ้างป๋องไปสีลม ป๋องปฏิเสธ ปลายฝนร้อนรนทำท่าจะไปแต่แล้วก็กลับมาบอกว่ามีเรื่องให้ช่วยหน่อย ป๋องเห็นท่าทางเธอเป็นเด็กเรียนนึกว่าจะไปเรียนพิเศษจึงตกลง

แต่ปรากฏว่า ปลายฝนวานให้ไปเข้าแถวซื้อตั๋วคอนเสิร์ตวงแคไนน์ที่จะมาแสดงรอบเดียวในเมืองไทย และที่นี่เขาแบ่งขายไม่กี่ร้อยใบ จำกัดให้ซื้อคนละไม่เกินสี่ใบ แต่ตนมีเพื่อนเจ็ดคนให้ป๋องช่วยซื้อสามใบ

ป๋องฟังแล้วเซ็งบ่นว่าที่แท้ก็ติ่งเกาหลีนี่เอง ปลายฝนถามว่าติ่งแล้วเสียหายตรงไหน

“เธอน่ะโชคดีนะ มีโอกาส แทนที่จะใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์กับชีวิตตัวเองกลับมาเป็นติ่งเกาหลีซะนี่” ป๋องปฏิเสธไม่ซื้อให้ ปลายฝนเลยเปลี่ยนจากวานเป็นจ้างสองร้อยบาท ป๋องยิ่งไม่พอใจหาว่าเอาเงินฟาดหัว ปลายฝนร้อนใจจนร้องไห้ พอเห็นน้ำตาป๋องก็ใจอ่อนยอมซื้อให้ ปลายฝนเลยให้เขาใบหนึ่ง ป๋องไม่เอาแต่ปลายฝนก็ยัดใส่มือให้จนได้

ปลายฝนบอกชื่อตัวเอง ถามว่าเขาชื่ออะไรเผื่อเจอกันอีกจะได้เรียกถูก ป๋อง ย้อนถามว่าจะรู้ไปทำไม ปลายฝนไม่เซ้าซี้รีบเข้าไปในอาคาร ป๋องถามว่าไม่ไปเอารถหรือ

“ฉันโทร.ให้คนรถไปเอาแล้ว ฉันจะไปเรียนพิเศษ”

ป๋องมองตามปลายฝนงงๆ แล้วก้มมองตั๋วดูคอนเสิร์ตในมือ

เมื่อป๋องบอกว่าพลาดงานตามวนิษา โจจึงนั่งแท็กซี่ตามรถคันหรูที่วนิษาใช้ในวันนี้เอง เธอเลี้ยวรถไปในซอยที่ไม่ค่อยมีบ้านคน

โจคิดว่าตามไปแบบนี้คงถูกจับได้แน่เลยลงจากรถเดินตามไป จนถึงบ้านในบริเวณกว้างหลังหนึ่ง โจแอบดูจากนอกรั้ว สงสัยว่าเป็นบ้านใครทำอะไรเพราะไม่มียาม เลยแอบปีนรั้วเข้าไป

ที่แท้เป็นบ้านของยายวรางค์ คุณยายของวนิษานั่นเอง โจแอบดูเห็นคุณยายวรางค์กำลังทำกับข้าวอย่างตั้งใจ ส่วนวนิษานั่งเด็ดผักอยู่ใกล้ๆ

“เศรษฐีรวยปลิ้นอย่างนี้เนี่ยนะ มานั่งเด็ดผัก” โจพึมพำ กลิ่นหอมของอาหารที่คุณยายทำ ทำให้โจหิวขึ้นกะทันหัน

โจได้ยินคุณยายถามวนิษาว่ามีเรื่องอะไรหรือดูเครียดๆ เธอบอกว่า “เรื่องเดิมๆน่ะค่ะ”

“เรื่องเดิมๆ น่ะเรื่องอะไร” คุณยายถาม แล้วปลอบให้ทำใจนิ่ง ๆ อย่าหวั่นไหวกับลมปากคน วนิษาบอกว่าตนพยายามแล้ว คุณยายถามอีกว่า “ทำไมใจถึงไม่นิ่ง ซ่อนอะไรไว้ในใจหรือไง” เห็นวนิษาเงียบ คุณยายเลยบอกให้ไปอาบน้ำเสีย เดี๋ยวจะให้หนุงหนิงชงชาสมุนไพรให้จะได้หลับสบาย

โจเอาหูแนบผนังฟังนึกสงสัย…

“ซ่อนอะไรไว้ในใจ???”

โจวนเวียนอยู่ในบริเวณบ้านยายวรางค์ จนตีสองรู้สึกหิวจึงเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นดูมีอะไรกินได้ก็หยิบใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย

“จับได้แล้วไอ้หัวขโมย ฉันจะเรียกตำรวจ!” เสียงหนุงหนิงสาวใช้โวยวายจากข้างหลัง โจรีบยกมือยอมแพ้หันมองแต่พูดไม่ได้เพราะอาหารเต็มปาก หนุงหนิงชี้หน้าด่า “แกกล้าดียังไงมาขโมยกางเกงในคุณยาย”

โจตกใจตาเหลือก พอหนุงหนิงสั่งให้เขาถอดหน้ากากค้างคาวออก โจจึงโล่งใจ แอบด่าเบาๆ

“ยัยบ้า ละเมอก็ไม่บอก” แล้วฉวยโอกาสขณะที่ หนุงหนิงยังละเมอพล่ามไปเรื่อย หยิบขวดน้ำแล้วย่องออกไป

ตีห้าแล้วโจออกจากบ้านยายวรางค์เดินไปตามถนนเข้าบ้าน หยิบมือถือโทร.ปลุกป๋องให้เอารถมารับ

พลันก็ร้องตกใจบอกว่าโดนงูกัด รีบเอามือถือมากดส่องดูเห็นเขี้ยวงูสองรูก็ยิ่งตกใจว่าต้องเป็นงูพิษแน่ บอกป๋องว่าเริ่มรู้สึกหน้ามืดแล้ว ให้รีบมารับ กำลังบอกว่าตนอยู่ที่ไหน แต่พูดไม่ทันจบประโยคเสียงก็ขาดหายไป…

Loading...