เตรียมสอบ บอย ปกรณ์ ซื้อรถลัมโบร์กินีแก๊งทุจริตเงิน สจล.

794
บอย ปกรณ์

   4 ม.ค. – หัวหน้าชุดสืบสวน บก.ป. ยังคาใจ พระเอก บอย ปกรณ์ ซื้อรถลัมโบร์กินีแก๊งทุจริตเงิน สจล. เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินเคลียร์ปม เช่นเดียวกับนางเอกสาว พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช ในประเด็นหุ้นส่วนร่วมเอี่ยวบริษัทของ 1 ในผู้ต้องหา ด้าน “ถวิล พึ่งมา” อดีตอธิการบดีพร้อมจูงมือรองอธิการบดีเข้าให้การพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมาย มั่นใจตัวเองบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินสถาบันที่หายไป

ความคืบหน้ากรณีทุจริตเงินกองคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มูลค่า 1,600 ล้านบาท มี นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ร่วมกับ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กับพวกรวม 8 คน ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม รวมถึงข้อหาฟอกเงิน อยู่ระหว่างขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติม

ขณะที่เมื่อบ่ายวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.หัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายเปิดเผยว่า หลังจากพนักงานสอบสวนประชุมความคืบหน้าไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ฝ่ายสืบสวนได้ออกติดตามเส้นทางการเงินตามที่ชุดสอบสวนสอบพยานและรวบรวมหลักฐานเอกสารบัญชีธนาคารที่มีการโอนเงินเข้าโอนเงินออก ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ยึดบ้าน ยึดโฉนดที่ดินและทรัพย์สินหลายรายการมูลค่าหลายร้อยล้านบาทแล้ว ต่อไปต้องพิสูจน์ว่า ได้มาอย่างไร เอาเงินจากไหนมาซื้อ เชื่อว่าตรวจสอบไม่ยาก ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะก่อน

รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มคนดังเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแสดงความบริสุทธิ์ใจเรื่องการซื้อรถลัมโบร์กินี สีเขียวต่อจาก นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้ต้องหา ราคา 13.5 ล้านบาท ชุดสืบสวนพยายามตรวจสอบว่า รถคันนี้ราคาเท่าไรกันแน่ เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ราคาอยู่ที่ประมาณ 19-20 ล้านบาท ใช้ไม่นานแล้วมาขายให้ในราคา 13.5 ล้านบาท ถ้าไม่สนิทกันจริงคงไม่ยอมขาดทุนขนาดนี้ เพราะขายให้คนอื่นย่อมได้ราคามากกว่า ตรงนี้เจ้าหน้าที่พอจะมีข้อมูลแล้ว ทั้งนี้ ทางชุดสืบสวนต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ ทั้งของนายกิตติศักดิ์ คนกลางที่ติดต่อซื้อขาย และตัว บอย ปกรณ์ เพื่อตัดประเด็นต่าง ๆ ที่สงสัยออก

ส่วน พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช ดารานักแสดงที่มีชื่อร่วมหุ้นอยู่ในบริษัทของ นายกิตติศักดิ์ นายตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวนกล่าวว่า ต้องตรวจสอบ แต่เนื่องจากเป็นเทศกาลวันหยุดทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด รู้ว่า นายกิตติศักดิ์ มีหลายบริษัท ยังไม่ได้ตรวจดูว่า มีใครร่วมหุ้นด้วยหรือไม่ ส่วนของพิงกี้ก็ต้องดูว่าหุ้นลมที่ว่ามีส่วนแบ่งจากกำไรหรือไม่ ถ้ามีส่วนแบ่งก็ต้องดูว่าเท่าไร รู้เห็นกันหรือไม่ อยู่ๆ มีชื่ออยู่ในบริษัทได้อย่างไร ประเด็นตรงนี้จะตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียดว่า มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ในวันนี้ ตนจะเรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนในคดีนี้อีกครั้ง

ด้าน นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้สัมภาษณ์กรณีพนักงานสอบสวนเชิญไปสอบปากคำในวันที่ 5 ม.ค.ว่า ทราบจากสื่อมวลชนแล้วว่า พนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำ ก็ตั้งใจจะไปพบตำรวจแน่นอน แม้จะยังไม่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจก็ตาม โดยจะไปพร้อมรองอธิการบดีที่ทำงานร่วมกันในขณะนั้น เพื่อจะได้ทำงานอื่นต่อไป เพราะรอตำรวจเรียกก็ไม่กล้ารับนัดหมายคนอื่น ทั้งนี้ ไม่รู้สึกกังวลใดๆ มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่หายไป – สำนักข่าวไทย

Loading...