รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

58
รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

อากาศในไทยที่ดูจะร้อนขึ้นทุกปีอาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายตัวจนไม่อยากออกไปไหน แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคืออันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่เรียกสั้นๆ ว่ารังสียูวี โดยดัชนีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Index) ในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ที่ 11-12 ซึ่งเป็นระดับขั้นสูงสุดและส่งผลเสียต่อผิวหนังอย่างมาก สามารถก่อให้เกิดจุดด่างดำ ริ้วรอยบนผิวหนังตามร่างกาย ซึ่งถ้าหากไม่ปกป้องผิวให้ดี ก็อาจจะเกิดการสะสมของรังสียูวีและพัฒนาความรุนแรงจนกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่ารังสียูวีมีอยู่ที่ไหนบ้าง และเราจะสามารถป้องกันตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

รังสียูวีนั้น มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ รังสียูวีเอ (UVA) ยูวีบี (UVB) และ ยูวีซี (UVC) แต่ที่พวกเราคุ้นหูคือรังสียูวีเอและยูวีบี เนื่องจากรังสียูวีซีไม่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศโลกได้จึงไม่สามารถทะลุมาถึงพื้นผิวโลกเพื่อทำอันตรายต่อผิวของเรา ในขณะที่รังสียูวีเอสามารถทะลุผ่านถึงผิวหนังชั้นกลาง ทำให้เกิดฝ้าและริ้วรอยหากเผชิญกับรังสีนี้เป็นเวลานาน โดยที่รังสียูวีบีส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นหนังกำพร้าทำให้ผิวคล้ำและเกิดจุดด่างดำ และเป็นที่ทราบกันดีว่ารังสียูวีนั้นสามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังได้ 

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อทราบถึงผลกระทบของรังสียูวีที่มีต่อผิวหนังของเราแล้ว หลายคนคงจะปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดหรือหยิบร่มมากางก่อนที่จะออกแดด โดยเข้าใจว่าหากอยู่ในที่ร่มแล้วก็ไม่จำเป็นต้องป้องกันแสงแดดแต่อย่างใด  แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบคือรังสียูวีสามารถทะลุผ่านผนังอาคารเข้ามาได้ถึง 80% และการได้รับรังสียูวีเพียงเล็กน้อยในแต่ละวันก็สามารถสะสมจนก่ออันตรายร้ายแรงต่อผิวของเราได้ ในเมื่อเราทุกคนอยู่ในประเทศไทยที่มีดัชนีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Index) เฉลี่ยที่ 11-12 ซึ่งอยู่ในระดับขั้นสูงสุด การป้องกันแดดจึงจำเป็นในทุกที่ทุกเวลาสำหรับทุกเพศทุกวัย

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีในการป้องกันรังสียูวีนั้น นอกจากการใช้ครีมกันแดดที่หลายคนคุ้นเคยกันดีแล้ว ปัจจุบันนี้ยังมี เสื้อกันยูวี ให้เลือกสวมใส่อีกด้วยซึ่งเราจะพูดถึงในลำดับต่อไป สำหรับการทาครีมกันแดดนั้น หลายคนอาจรู้สึกว่ายุ่งยากในการทาและเหนอะตัว มากไปกว่านั้น รู้หรือไม่ว่าครีมกันแดดจะมีประสิทธิภาพแค่เพียงในชั่วโมงแรกๆ ที่ทา ทำให้ต้องทาครีมซ้ำเพื่อคงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวี ดังนั้นเมื่อพูดถึงการเลือกใช้ครีมกันแดดแล้ว ต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพของสารกันแดดด้วย ซึ่งเกณฑ์ในการวัดประสิทธิภาพของสารกันแดดนั้น มีอยู่สองเกณฑ์ได้แก่ SPF และ PA

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

Sun Protection Factor (SPF) ค่า SPF จะบอกถึงระยะเวลาในการที่เราอยู่กลางแจ้งได้นานแค่ไหนโดยที่ผิวของเราไม่มีอาการใดๆ เช่น ถ้าปกติเราโดนแดด 20 นาที ผิวจะเริ่มไหม้ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF 15 จะสามารถปกป้องผิวของเราจากแดดได้อีก 15 เท่า คือ 15×20 = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมง ผิวจึงจะเริ่มไหม้นั่นเอง นอกจากนี้ SPF ยังสามารถบอกปริมาณการดูดซับรังสียูวีบีของครีมกันแดดได้อีกด้วย โดยที่ SPF 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3% และ SPF 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98% เรียกได้ว่าค่า SPF ยิ่งสูงก็ยิ่งดูดซับรังสีได้มากขึ้นนั่นเอง

ส่วน Protection Grade of UVA (PA)  คือ ค่าวัดประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวีเอ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ PA+, PA++ และ  PA+++ โดยที่ PA+++ หมายถึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีเอสูงสุด

นอกจากค่า SPF และ PA แล้ว ยังมีค่า Ultraviolet Protection Factor (UPF) ที่หลายๆ คนควรทราบ โดยค่า UPF นี้เป็นดัชนีที่ใช้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ หรือเสื้อผ้า เพื่อชี้ค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวี ยิ่งมีค่า UPF สูง ก็ยิ่งป้องกันรังสียูวีได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เสื้อผ้าที่มีค่า UPF 40 เมื่อเทียบกับผิวหนังที่ไม่มีสิ่งป้องกันแล้วระยะเวลาที่ผิวจะถูกแดดเผาจะนานกว่า 40 เท่า หมายความว่าในปกติเมื่อผิวของเราโดนแดดแรงๆ ประมาณ 15 นาทีผิวจะเริ่มไหม้ หากใส่เสื้อกันยูวีที่มีค่า UPF 40 จะทำให้ป้องกันผิวได้นานถึง 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง นั่นเอง

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ตามที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ว่า นอกจากการทาครีมกันแดดแล้ว ยังมีวิธีการที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด คือการสวมใส่เครื่องแต่งกายป้องกันยูวีที่มีค่า UPF ซึ่งวิธีนี้สะดวก อีกทั้งสามารถกันรังสียูวีได้ทั้งยูวีเอและยูวีบีตั้งแต่วินาทีแรกที่สวมใส่  โดยคอลเลคชั่นเครื่องแต่งกายกันยูวีที่หลายๆ คนอาจได้มีโอกาสเห็นล่าสุดคือ ยูนิโคล่ ยูวี โพรเทคชั่น (UNIQLO UV Protection) คอลเลคชั่น ที่มีนวัตกรรมสะท้อนและดูดซับรังสียูวี โดยคอลเลคชั่นนี้นอกจากเสื้อฮู้ดตัวนอกกันยูวีที่มี UPF 40 แล้ว ยังมีเสื้อคาร์ดิแกน เสื้อแจ็คเก็ต เลกกิ้ง และเครื่องแต่งกายอื่นๆ อีกด้วย

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่น เป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์แรกๆ ในท้องตลาดที่พุ่งความสนใจและเดินหน้าบุกเบิกโซลูชั่นเครื่องแต่งกายป้องกันรังสียูวี สำหรับเครื่องแต่งกายในกลุ่มป้องกันรังสียูวีนั้น  ยูนิโคล่ได้นำเทคนิคพิเศษมาใช้ในการผลิต ได้แก่:

1.   การผสมผสานวัสดุที่ป้องกันรังสียูวีเข้าไปในไฟเบอร์ของเนื้อผ้าในช่วงของการย้อม เปลี่ยนโครงสร้างของเส้นใยผ้าทำให้เนื้อผ้าสามารถซึมซับและสะท้อนรังสียูวีได้

2.   เทคนิคการถักทอของเส้นด้ายแบบพิเศษ ให้แน่นเพียงพอที่จะสะท้อนรังสียูวีออก

จึงมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าในกลุ่มป้องกันรังสียูวีของยูนิโคล่มีประสิทธิภาพในการปกป้องสูงสุด อีกทั้งยังมีเนื้อผ้าบางเบา สวมใส่สบาย  ด้วยเทคนิคพิเศษในการผลิตพร้อมการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความต้องการในชีวิตประจำวันด้านการปกป้องผิวจากแสงแดด ยูนิโคล่ ยูวี โพรเทคชั่นจึงเป็นทางเลือกใหม่ในการปกป้องผิวของเราจากรังสียูวี เพียงหยิบมาสวมก็ช่วยป้องกันรังสียูวีได้ถึง 90ตั้งแต่วินาทีแรกที่สวมใส่ แล้วยังสวมใส่ได้สบาย คล่องตัว มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อฮู้ด คาร์ดิแกน แจ็คเก็ต เสื้อแขนยาว

รังสียูวีจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่ ถ้ารู้วิธีป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

Loading...