กานต์ วิภากร ตั้งโต๊ะแถลงกรณี เสก โลโซ

911
กานต์ วิภากร

    วานนี้ 7 ตุลาคม เวลาประมาณ 13.00 น. มีการแถลงข่าวเปิดใจของ กานต์ วิภากร ศุขภิมาย ภรรยาร็อกเกอร์ชื่อดัง เสก โลโซ หรือ เสกสรรค์ ศุขภิมาย ที่กำลังมีประเด็นร้อนแรงอยู่ในขนาดนี้ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างโพสต์ข้อความในโซเชียลด่าทอกันไปมา จนล่าสุด กานต์ พร้อมเปิดใจในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ที่สตูดิโอ ช่อง 2

 กานต์ เผยถึงเรื่องราวว่า “เริ่มต้นมาจากวันที่ 3 ก.ย. เรานอนหลับอยู่ประมาณ 8-9 โมง อยู่ดีๆ พี่เสกเดินเข้ามาทำร้ายข้าวของ ตบตีอย่างที่ได้โพสต์ไปแล้ว พอเสร็จก็เดินลงไป เราก็นอนต่อสักพัก แล้วแม่บ้านก็ขึ้นมาบอกว่าให้เราออกไปก่อน เพราะเสกเขาคุ้มคลั่ง เราก็เลยออกมาตั้งแต่วันนั้นแล้วยังไม่ได้กลับเข้าไปอีก”

 ก่อนเหตุการณ์นั้นมีอะไรเกิดขึ้นก่อนไหม “คือเราไม่ได้คุยกับเขาตั้งแต่วันที่ 18 สค. เนื่องจากเขาพูดจาไม่ดีกับเรา เราก็เลยไม่คุย ไลน์ก็ไม่ตอบ ไม่รับสาย จนกระทั่งมาเกิดเหตุในวันที่ 3 ก.ย.”

 ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นปัญหาที่พาหมอเข้าไป “ใช่ค่ะ เพราะพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไป น่าจะประมาณต้นปี คือเขาก้าวร้าวขึ้น เราก็เลยไม่ค่อยอยากคุยกับเขา คือวันที่พาคุณหมอเข้าไป เราปรึกษากับคุณหมอ 2 คนมาระยะนึงแล้ว คุณหมอก็บอกว่าโอเค พอเราพาเข้าไปประมาณบ่าย 3 เขาเห็นคุณหมอ เขาก็ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องนั้น และคุณหมอก็บอกขอเข้าไปคนเดียว แต่เขาไม่ให้เข้า เขาก็ด่าคุณหมอ เราก็รอสักพักก็กลับค่ะ”

 หลังกลับจากโรงพยาบาลครั้งที่แล้ว เคยเห็นเขากลับไปยุ่งกับยาเสพติดไหม “ไม่ค่ะ แต่เรายังสงสัยว่าใช่ไม่ใช่ เพราะจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป อย่างที่ก้าวร้าวมากที่สุดคือ อยู่ดีๆ ก็เดินมาตบเราโดยไม่มีสาเหตุ บางครั้งเอางานเข้าไปให้ดู นั่งกันคนละโซฟา ก็ลุกเดินมาตบ คือไม่ใช่แล้ว ปกติเขาไม่ขนาดนั้น”

 เหตุการณ์ไหนที่ทำให้ทนไม่ไหวจนถึงขั้นขอหย่า “ก็ที่เขาบ้าอำนาจ คือมันสะสม แล้วเขาก็ทำลายแก้วชอร์ตสะสมของเรา ประมาณ พันสองพันใบ”

 เหมือนตอนนี้เสกดำเนินการฟ้องทางคุณหมอแล้ว “เราไม่รู้ว่าเขาฟ้องหย่าหรือฟ้องอะไร เพราะหมายศาลน่าจะส่งไปที่บ้าน เรายังไม่เห็นค่ะ แต่ส่วนตัวเราต้องการหย่าค่ะ ไม่ทนแล้วค่ะ มันหนักเกินไป”

 หลังออกจากบ้าน ได้มีการคุยกับพี่เสกไหม “ไม่ มีแต่เขาส่งไลน์มาด่าเรา คือมันมีเยอะกว่าที่เราออกมาอีก นั้นเราเอาออกมาบางส่วน คือเราอยู่กันไม่ได้แล้ว ตัวเราก็ต้องการหย่า ส่วนที่ต่างฝ่ายต่างโพสต์ หลายคนมองว่าเป็นการประจาน มันไม่ได้ประจาน คือมันไม่รู้จะคุยกันได้ทางไหน นอกจากทางนี้ เพราะทางพี่เสกเขาก็มีคนครอบงำเขาอยู่หลายคน คือมันคุยกันไม่ได้ เราต้องให้ทุกคนเห็นด้วยว่า เขาผิดปกติหรือเปล่า”

 “จุดประสงค์หลักๆ จริงๆ คือเราต้องการให้เขาเข้าบำบัดหรือรักษาโรคที่เขาเป็นอยู่ก่อน แต่ว่าถ้าเขาจะหย่าเลยคือหย่าได้ แต่คืออยากให้ทางผู้ใหญ่ใครก็ได้มาช่วย คือมันมี พรบ. ที่จะบังคับรักษาตัว แต่ตอนนี้เราขอไปหลายหน่วยงานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟ เราอาจจะคิดไปเองหรือเปล่า แต่คือถ้าไม่ไปอยู่ในนั้นจริงๆ จะไม่รู้หรอก เพราะเขาคล้ายๆ กับสองบุคลิก ทำงานได้ สัมภาษณ์ก็ดูปกติ แต่อีกบุคลิกคือจะหลอนๆ ตอนดึก”

 พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เรียกว่าซ้ำรอยเลยไหม “เหมือนเดิมเลย ไม่รักแล้วเพราะเขาทำเกินไป ที่ดูเราเป็นห่วงเพราะเรายังอยู่ในสินสมรส และนั่นคือปากท้องลูกเราไง แต่คือเขาทำร้ายร่างกายเราเรื่อยๆ มาแต่ไหนแล้ว”

 เห็นว่ามีเรื่องผู้หญิงคนอื่นด้วย “เรื่องเขามีผู้หญิงคนอื่น เขาคงมีมาตลอด แต่เราไม่รู้ ไว้ใจ ไม่ระแวง แต่พอที่มารู้คือตั้งแต่เป็นเรื่อง ประมาณเดือนนึง เพิ่งรู้ว่าเขามีผู้หญิง”

 สมมติถ้าพาไปตรวจว่าเสกป่วย แล้วพาไปรักษาหาย เราจะกลับไปดูแลเขาเหมือนเดิมไหม “ไม่แล้วค่ะ เราไม่ไว้ใจว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า เพราะครั้งที่ 1, 2 มี ครั้งที่ 3 ก็คงมี ส่วนสภาพจิตใจเราตอนนี้ ก็ดีขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์แรก คือตอนนั้นเครียดมาก”

 เราต้องการให้เรื่องจบยังไง “หลักๆ เราเอาลูกเข้าไปอยู่ในบ้านกับเรา 4 คน และให้เขาออกมารักษาตัว อาจต้องบำบัดจิต คือเรื่องนี้เป็นหลักกว่าเรื่องหย่า ว่าเขาต้องรักษา เพราะไม่ปกติ”

ขอบคุณข่าวจาก

Loading...